วันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2558

ด้อยมากกว่าพ่ายแพ้!

แย่ยิ่งกว่าแพ้!


ฟุตบอล


วิเคราะห์บอล: เหตุด้วยความพ่ายแพ้ หรือ การต้องตกรอบตารางบอลในการแข่งขันกีฬานั้น ถือเป็นสิ่งที่เจ็บปวดพร้อมด้วยน่าผิดหวังเสมอด้วยทุกคนที่เกี่ยวข้อง ด้วยกันถ้าจะมีอะไรที่แย่ไปกว่านั้น ก็คงเป็นการพ่ายแพ้โดยที่ทุกคนเบ้ปากใส่แล้วเปรยว่าสมควรแล้ว

พร้อมด้วยสถานการณ์ของ ทีมเชลซี หลังจบจากเกมแชมเปี้ยนส์ลีกกับ พวกปารีส แซงต์-แชร์กแมง ครั้นเมื่อคืนวันพุธ น่าจะใกล้เคียงกับที่จั่วหัวเอาไว้

ก็เพราะว่าว่านอกจากจะตกรอบไปอย่างชอกช้ำ จากการทำได้แค่ผลบอลเสมอ 2-2 ในบ้านตัวเอง หลังที่มีผู้เล่นมากกว่าถึงสองในสามของเวลาที่เตะกันแล้ว

ทีมสิงโตสีคราม ยังถูกวิจารณ์ อย่างหนักจากการแสดงออกของนักเตะในสนาม ในจังหวะการฟาวล์ต่อออสการ์ที่ทำให้ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ดาวเตะคนสำคัญของคู่แข่ง โดนใบแดงไล่ออกจากสนามไป

พร้อมทั้งแน่นอนว่าการตัดสินของ บียอร์น คีเปอร์ส กรรมการชาวดัตช์ ที่คิดว่าจังหวะนี้ควรเป็นใบแดง ถือเป็นวิจารณญาณของเขาเองด้วยที่โดนจวกหนักไม่จำนนกัน แต่หลายคนก็มองว่าการแสดงออกของนักเตะ กลุ่มเชลซี ที่เข้าไปห้อมล้อมพร้อมทั้งโหวกเหวกโวยวายเกินจำเป็นนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลย


วิเคราะห์บอล


ซึ่งบรรดาเกจิในแวดวงลูกหนัง ทั้งอดีตนักเตะและผู้จัดการหมู่ชื่อดังหลายคน ต่างก็มองไปในทางเดียวกันว่ากองหน้าของ พวกเปแอสเชโชคร้ายที่โดนใบแดง พร้อมทั้งพฤติกรรมของนักเตะ ทีมเชลซี เป็นสิ่งที่น่าอัปยศอดสู

เพราะที่ อลัน กรีน คอมเมนเตเตอร์ของ BBC วิเคราะห์ผลบอลพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่า มันแย่มากที่ได้เห็นนักเตะมากมายหลายคนแสดงพฤติกรรมแบบนั้นในสนาม ผมจักไม่ปกป้องพวกไร้สมองที่ทำตัวน่าขายหน้าแบบนี้แน่

ซึ่ง แกรม ซูเนสส์ อดีตนักเตะพร้อมกับผู้จัดการคณะชื่อดัง ได้ออกมา วิจารณ์ออสการ์ที่เจตนาเรียกใบแดงให้คู่แข่งในจังหวะที่โดนทำฟาวล์ด้วย

เรียกได้ว่ามันเป็นสิ่งที่เราไม่จำเป็นต้องทำเลย มันรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง การที่นักเตะพยายามล้มเพื่อให้คู่แข่งโดนไล่ออก

พร้อมกับมันไม่ใช่วิถีของอังกฤษ มันกำลังคืบคลานเข้าสู่เกมของเรา ซึ่งผมรู้สึกว่ารับไม่ได้จริงๆ

ด้วยกันแม้เวลามีใครเข้าสกัดคุณ คุณมักจักมุ่งหมายล้มลงไปเพื่อให้เขาโดนเล่นงาน มันน่าสมเพชแบบนี้แหละ ขอบคุณสวรรค์ที่เปแอสเชไม่ยอมพ่ายต่อสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขากลับไปพร้อมกับเครดิตที่สมควรได้รับ พวกเขาเป็นทีมที่ดีกว่า

ทางด้านเจมี่ คาร์ราเกอร์ อดีตกองหลัง หมู่ลิเวอร์พูล ได้วิจารณ์ไปถึงโจเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการฝ่ายเชลซี ว่าเป็นคนปลูกฝังทัศนคติแบบนี้ให้กับนักเตะ


โปรแกรมบอล


ซึ่งการแสดงออกของนักเตะ คณะเชลซีเป็นเรื่องที่น่าอดสู มันมาจากทุกกลุ่มของโจเซ่ มูรินโญ่ พวกของเขามักจะทำพฤติกรรมแบบนี้เสมอ มันไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว

ด้วยกันในบางทีสิ่งที่เขาพูดไว้ก่อนเกมว่าเปแอสเชเป็นหมู่ที่เล่นสกปรกที่สุด อาจจักถูกฝังไว้ในหัวของกรรมการไปแล้ว

ส่วนตัว ผมคิดเสมอว่ากรุ๊ปของมูรินโญ่อาจจักได้รับการยอมรับในฝีเท้า แต่คณะของเขาจักไม่มีทางเป็นหมู่ที่คนรัก เพราะว่าสถานการณ์แบบนี้นี่แหละ กลุ่มของเขาเอาคำว่าชนะไปอยู่ตรงจุดที่กรุ๊ปอื่นหรือว่าผู้จัดการหมู่คนอื่นทำไม่ได้ คำพูดของเขามีอิทธิพลไปแล้ว

ในขณะที่ ไมเคิล โอเว่น อดีตดาวยิงชื่อดัง ก็มีความเห็นไปในทางเดียวกัน พร้อมทั้งมองว่าจังหวะนี้ไม่ควรเป็นใบแดง

สมมตเป็นจังหวะนี้ ต้องไม่ใช่ใบแดงแน่นอน พฤติกรรมของนักเตะเชลซีน่าช็อกสุดๆ การทำอะไรแบบนี้มีอิทธิพลต่อเกมได้ นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาทำ

เพราะที่ผมดีใจที่เห็นคาร์ราเกอร์และซูเนสส์คิดตรงกับผมเป๊ะ เกมฟุตบอลคงกลายเป็นเรื่องตลกไปเลย ถ้านักเตะบุกเบิกมีอิทธิพลต่อเกมด้วยการเข้าไปกดดันกรรมการ

พร้อมด้วยมาร์ค ลอว์เรนสัน ที่เป็นอดีตกองหลัง คณะลิเวอร์พูล ซึ่งผันตัวไปทำงานด้านสื่อมานาน ก็ร่วมแสดงความไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของนักเตะ กลุ่มเชลซีเช่นกัน

เนื่องด้วยการแสดงออกของนักเตะ ทีมเชลซีนั้นเหเล่าลือเชื่อมาก ถ้าดูจากการที่การทำฟาวล์จังหวะนี้ไม่ได้รุนแรงอะไรขนาดนั้นเลย ผมเกือบจักคิดว่าเขาทำคู่แข่งขาหักซะอีก ออสการ์สมควรได้รับออสการ์เลย

และสิ่งที่เกิดขึ้นฉุดให้เกมฟุตบอลถอยหลังเข้าคลอง พฤติกรรมโอเวอร์เกินเหตุต่อการทำฟาวล์ของคู่แข่ง เกมฟุตบอลกำลังจะกลายเป็นละครเข้าไปทุกทีแล้ว

A ในส่วนของ เกรแฮม โพลล์ อดีตผู้ตัดสินชื่อดังของอังกฤษ ก็มองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นคำมั่นณอันตรายของเกมฟุตบอล


พรีเมียร์ลีก


ซึ่งพฤติกรรมของนักเตะ หมู่เชลซี ตอนที่เข้าไปรุมล้อม บียอร์น คีเปอร์ส เป็นความอัปยศอย่างแท้เป็นแน่แท้ พร้อมด้วยมันเป็นข้อสัญญาณที่ประภาษว่าเกมฟุตบอลในปัจจุบันกลายเป็นแบบไหนไปแล้ว

ส่วนทางด้าน จอห์น อัลดริดจ์ อดีตศูนย์หน้า ฝ่ายลิเวอร์พูล อีกคน ออกมาตำหนิวิธีการเล่นของมูรินโญ่ที่ไม่เน้นเกมบุกมากพอ

เหล่าเชลซีได้ในสิ่งที่สมควรได้รับแล้ว วิธีการเล่นของพวกเขาสะท้อนตัวตนผู้จัดการคณะของพวกเขาออกมา การเล่นเกมรับในบ้านน้อยครั้งที่จักเวิร์ก

พร้อมกับ โลร็องต์ บล็องก์ โค้ชของ กลุ่มปารีส ย้ำว่าฝ่ายของเขาสมควรได้พ้นเข้ารอบ 8 กลุ่มสุดท้ายอย่างแท้ครัน ไม่ว่าจักมีเหตุการณ์ปัญหาเกิดขึ้นในเกมนี้ใช่ไหมไม่ก็ตาม

ซึ่งต่อให้คุณตัดการแสดงออกอย่างไม่มีน้ำใจนักกีฬาพวกนั้นออกไปจากเกม ผมก็คิดว่าพวกของผมดีกว่าเชลซีในทุกจุดของสนาม เปแอสเชสมควรเข้ารอบแล้ว

ในขณะที่อิราฮิโมวิชเองได้เหน็บแนมพฤติกรรมของคู่แข่งเบาๆ ว่าทำตัวเหมือนเด็กไม่รู้จักโต

ภายหลังที่ผมเห็นกรรมการควักใบแดงออกมา ผมนี่แบบว่า เขารู้ตัวมั้ยว่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่นี่ยังไม่ใช่ส่วนที่แย่ที่สุดนะ ที่แย่ที่สุดก็คือในจังหวะนั้น นักเตะ กรุ๊ปเชลซี ทุกคนกรูกันเข้ามารุมล้อมเต็มไปหมด ผมรู้สึกเหมือนโดนเหล่าเด็กน้อยมากลุ้มรุมอยู่รอบตัวเลย

เรื่องเพราะ : Bebybear

ที่มา: http://event.sanook.com/football

วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2558

จำเป็นอย่าให้เป็นอิสระให้นรชาติชั่วลอยนวลเฉียบขาด ผลบอลแมนยู

ต้องอย่า ให้เป็นอิสระให้คนชั่วลอยนวลเด็ดขาด!!




ก็ต้องขอเสนอว่า ปลดคนชั่วสิบคนดี ดีกว่าจับคนบริสุทธิ์พางคนเดียว!!! นั้นเป็นวลีที่นึกขึ้นได้ตราบวันก่อนหลังจากดูการถ่ายทอดสด ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีกระหว่าง กรุ๊ปปิศาจแดง แมนฯยูไนเต็ด กับ คณะแมวดำ ซันเดอร์แลนด์

ซึ่งผลการแข่งขันเป็นไปตามคาดลูกกรุ๊ปของ หลุยส์ ฟาน ฮัล เอาตัวรอดด้วยชัยชนะผลฟุตบอล 2-0

แต่ว่าในจังหวะที่หวังพูดถึงคงหนีไม่พ้น การที่ เวส บราวน์ อดีตศิษย์เก่าสำนักโอลด์ แทรฟฟอร์ด ถูกผู้ตัดสิน โรเจอร์ อีสต์ ให้ใบแดงไล่ออกจากสนาม

ซึ่งถ้าพี่น้ำตาลทำฟาวล์หรือว่ากระทำผิดแท้จริงๆ ในจังหวะที่ไปเหนี่ยว ศูนย์หน้าตีนบอด อย่าง ราดาเมล ฟัลเกา ก็คงไม่เป็นประเด็นอะไร แต่ผู้กระทำผิด ที่แท้แท้จริง ในจังหวะนั้น ดันเป็นเพื่อนร่วมอดีตสำนักเดียวกันอย่าง จอห์น โอเช ที่เป็นคนไปเหนี่ยวศูนย์หน้าชาวโคลอมเบีย

แต่ว่าที่สำคัญ ในจังหวะที่เหนี่ยวไม่ใช่แค่จับแล้ว ปลง แต่เป็นการเหนี่ยวแล้วยังดึงรั้งตัว ฟัลเกา ที่กำลังจะพลิกบอลเข้าไปยิงประตูถึง 2 จังหวะ 2 ครั้ง ด้วยกัน

กับในขณะที่พี่น้ำตาลผู้โชคร้ายดันไปอยู่แถวนั้นพอดี ครั้งเสียงนกหวีดดังขึ้น ยังไงก็เป็นจุดโทษ แต่กรรมการเจ้ากรรมดันไปให้ใบแดงพี่น้ำตาลแทนที่จะเป็นโอเช

ซึ่งครั้นพี่น้ำตาลถูกกล่าวหาพยายามจักอธิบายให้ผู้ตัดสินเข้าใจว่าไม่ได้เป็นผู้กระทำผิดก็ไม่เป็นผล จึงต้องตกอยู่ในสถานะ ถูกจับแพะ แบบไม่มีทางเลือก




เพราะที่แสบไปกว่านั้นคือ ผู้กระทำผิดที่แท้แน่นอนอย่างโอเชดันเดินไปให้กำลังใจตบหลังพี่น้ำตาลตอนที่เดินออกจากสนาม เชื่อว่าในใจของ แพะ อย่างพี่น้ำตาลคงอาจจักคิดลึกๆ เผาพริกเผาเกเลื่องให้เพื่อนร่วมฝ่ายที่ลอยนวล

ซึ่งแทนที่จักช่วยเข้ามายืนยันว่าตัวเองทำผิดด้วยกันยอมเดินออกจากสนาม ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นต้องยอมรับว่า โชคร้ายมากๆ ในแง่ความรู้สึก แม้ว่าใครจะถูกไล่ออกคณะก็คงแพ้เหมือนกัน เพราะว่าทั้ง บราวน์ พร้อมกับ โอเช ไม่ได้มีใครเล่นดีกว่ากันซักเท่าไหร่

แม้จะว่าไปก็คล้ายๆ กับเหตุการณ์เมื่ออาทิตย์ที่แล้วในเกมระหว่าง เหล่าสิงห์บลู เชลซี กับ ฝ่ายเบิร์นลี่ย์ ในจังหวะที่ เนมันย่า มาติช ถูกไล่ออกภายหลังวิ่งไปผลัก แอชลี่ย์ บาร์นส์

ในที่จังหวะก่อนหน้านั้น เจ้าบาร์นส์ตัวแสบนี่แหละดันเข้าบอลเปิดปุ่มแบบน่าเกลียดใส่มิดฟิลด์ของ หมู่เชลซี

ด้วยกันที่สำคัญกรรมการเจ้ากรรม อีกแล้ว อย่าง มาร์ติน แอตกินสัน ที่มากประสบการณ์ดันไม่เห็น หรือว่าเปล่า ในจังหวะนั้น จึงไม่ได้เป่าฟาวล์หยุดเกมแต่อย่างใด

ซึ่งยิ่งๆ ขอแนะนำใครที่มีเวลาลองหาเทปไม่ใช่หรือคลิปย้อนดูในจังหวะนั้นอีกรอบ จะรู้ว่าเจ้าบาร์นส์ตัวแสบนี่แหละสมควรโดนไล่ออกจากสนามในฐานะผู้กระทำผิดที่แท้เป็นแน่แท้




พร้อมกับเหตุผลที่ มาติช เองนั้นก็ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ แน่นอนๆ จังหวะนั้นถ้าใครกำกับอยู่ก็คงต้องชาบู บูชา ก็ต้องรับกรรมไป ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็น เหยื่อ ก่อนแท้ๆ ขณะที่ผู้ร้ายลอยนวล!!!

ซึ่งในเหตุการณ์นั้นต้องยอมรับว่าเป็นจุดเปลี่ยนของเกมคู่นี้ เพราะเชลซีที่เหร่ำลือตัวผู้เล่นน้อยกว่า ถูกตีเสมอ จบเกมจากสามแต้มที่ควรได้เหลือกระฉ่อนแค่แต้มเดียว

พร้อมทั้งนี่แหละคือเกมฟุตบอลที่ Human Error อาจจักเป็นเสน่ห์ดึงดูดให้แฟนบอลทั้งหลายบางคน

แต่ว่าสำหรับผู้ถูกกระทำอย่าง เวส บราวน์ ด้วยกัน เนมันย่า มาติช คงขำไม่ออก กับเจ็บปวดพอสมควรกับโลกของฟุตบอลที่บางทีความยุติธรรมก็ไม่ใช่สิ่งที่จะหาได้ง่ายๆ ครับ

ที่มา:http://sport.sanook.com/136273/

ติดตามชมอ่าน ข่าวกีฬา ฟุตบอล โปรแกรมบอล โปรแกรมพรีเมียร์ลีก ตารางบอล ได้ที่ http://event.sanook.com/football

วันอังคารที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2558

การต่อสู้ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฝ่ายเลเวอร์คูเซ่น รบ กลุ่มแอตเลติโก มาดริด

วิเคราะห์บอล ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เลเวอร์คูเซ่น vs แอตเลติโก มาดริด




  • วิเคราะห์บอล ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 กลุ่ม นัดแรก 
  • กรุ๊ปเลเวอร์คูเซ่น vs เหล่าแอตเลติโก มาดริด 
  • แข่งวัน พุธที่ 25 กุมภาพันธ์ 2558 
  • แข่งเวลา: 02.45 นาฬิกา 
  • แข่งที่สนาม: ไบอารีนา 
  • กรรมการผู้ตัดสิน: พาเวล คราโลเว็ค ประเทศเช็ก 
  • ด้านสภาพอากาศ: 3 องศา, มีฝนเล็กน้อย 
  • ช่องที่ถ่ายทอดสด: TrueSport 3, TrueSport HD, TrueSport HD3


สำหรับผลการพบกัน 2 นัดหลังสุด

  1. วันที่ 16/12/10 ศึกแชมเปี้ยนส์ลีก เลเวอร์คูเซ่น 1 - 1 แอต.มาดริด
  2. วันที่ 30/09/09 ศึกแชมเปี้ยนส์ลีก แอต.มาดริด 1 - 1 เลเวอร์คูเซ่น



ผลงาน 5 นัดหลังสุดของแต่ละฝ่าย

คณะเลเวอร์คูเซ่น

  1. วันที่ 21/2/15 ผลบอล เสมอ เอาก์สบวร์ก 2 - 2 นัดเยือน
  2. วันที่ 14/2/15 ผลบอล พ่าย โวล์ฟสบวร์ก 4-5 นัดเหย้า
  3. วันที่ 8/2/15   ผลบอล แพ้ เบรเมน 1-2 นัดเยือน
  4. วันที่ 4/2/15   ผลบอล ชนะ แฮร์ธ่า 1-0 นัดเยือน
  5. วันที่ 31/1/15 ผลบอล เสมอ ดอร์ทมุนด์ 0-0 นัดเหย้า


เหล่าแอต.มาดริด

  1. วันที่ 21/2/15 ผลบอล ชนะ อัลเมเรีย 3-0 นัดเหย้า
  2. วันที่ 15/2/15 ผลบอล แพ้ เซลต้า 0-2 นัดเยือน
  3. วันที่ 7/2/15   ผลบอล ชนะ เรอัล มาดริด 4-0 นัดเหย้า
  4. วันที่ 31/1/15 ผลบอล ชนะ เออิบาร์ 3-1 นัดเยือน
  5. วันที่ 28/1/15 ผลบอล จำนน บาร์เซโลน่า 2-3 นัดเหย้า



เช็กความพร้อม-สภาพหมู่


หมู่เลเวอร์คูเซ่น

  • ในส่วนของโอเมอร์ ท็อปรัค ติดโทษแบน 
  • ส่วนทางด้าน ทิน เยดไว ยังต้องรอลุ้นฟิต 
  • ส่วน คิริอากอส ปาปาโดปูลอส กับ เอเมียร์ สปาฮิช คงยืนเซ็นเตอร์คู่กัน 
  • ด้าน จูลิโอ โดนาติ นั้นต้องลุ้นว่าจะเบียดลงยืนแบ็กขวาได้หรือไม่ไม่ 
  • สำหรับสเตฟาน ไรนาร์ทซ์ พร้อมเป็นตัวเระบือกในแดนกลางแล้ว 
  • แต่ว่า ลาร์ส เบนเดอร์ อาจยังไม่ฟิตพอ 
  • พร้อมกับโยซิป เดอร์มิช คงจักยืนศูนย์หน้า

รายชื่อนักเตะโดนแบน: โทเมอร์ ท็อปรัค


หมู่แอต.มาดริด

  • เพราะว่าโกเก้ ยังไม่หายเจ็บกลับมาเสริมแดนกลาง 
  • ส่วนอาร์ด้า ตูราน อาจชวดบู๊ด้วย ถ้าฟิตไม่ทันจากการบาดเจ็บระหว่างซ้อม 
  • แต่ว่า ติอาโก้ น่าจะพร้อมเป็นตัวเโจษกได้ หลังกลับมาลงเล่นในสองนัดหลังสุดแล้ว 
  • ทางด้านของเฟร์นานโด ตอร์เรส คงต้องรอโอกาสในฐานะตัวสำรองไปก่อน 
  • ก็เพราะว่าว่า อองตวน กรีซม็อง กับ มาริโอ มันด์ซูคิช คงจะยืนคู่กันในแนวรุก



มาวิเคราะห์รูปเกม

เพราะรวมแล้วทั้งสองหมู่ฟอร์มแกว่งไปมากมาย พวกเลวอร์ฯ คงต้องเปิดเกมบุกเพื่อชิงความได้เปรียบไว้ก่อนกับการเล่นในบ้าน ก็เพราะว่าไปเยือน เหล่าแอต มาดริดนัดหน้าคงเป็นงานที่หนักขึ้นอีกเยอะ เกมนี้ห้างขายยาต้องเน้นต่อบอลเข้าทำให้แน่นอน ก็เพราะว่าตราหมีดูฉาบฉวยพร้อมกับวูบวาบกว่า แต่ด้วยวินัยของเจ้าถิ่น เกมนี้มีลุ้นแน่พร้อมทั้งคงไม่พลาดท่าง่ายๆ


บัญชีรายชื่อผู้เล่น 11 คนแรกที่คาด

กลุ่มเลเวอร์คูเซ่น 4 - 2 - 3 - 1:

  • 1.แบรนด์ เลโน
  • 27.กอนซาโล่ คาสโตร 
  • 14.คิริอากอส ปาปาโดปูลอส 
  • 5.เอเมียร์ สปาฮิช 
  • 18.เวนเดลล์
  • 6.ไซม่อน โรลเฟส 
  • 3.สเตฟาน ไรนาร์ทซ์
  • 38.คาริม เบลลาราบี้ 
  • 10.ฮาคาน คัลฮาโนกลู 
  • 7.ซอนเฮืองมิน
  • 9.โยซิป เดอร์มิช
โค้ชหมู่: โรเจอร์ ชมิดท์


ทีมแอต.มาดริด 4 - 4 - 2:

  • 1.มิเกล โมย่า
  • 20.ฆวนฟราน 
  • 23.มิรันด้า 
  • 2.ดิเอโก้ โกดิน 
  • 3.กีเลอร์เม่ ซีเกร่า
  • 8.ราอูล การ์เซีย 
  • 14.กาบี้ 
  • 5.ติอาโก้ 
  • 17.ซอล นีเกซ
  • 7.อองตวน กรีซม็อง
  • 9.มาริโอ มันด์ซูคิช

โค้ชฝ่าย: ดิเอโก้ ซิเมโอเน่


ผลฟุตบอลฮอตสกอร์: กรุ๊ปเลเวอร์คูเซ่น ชนะ 2-3 แอต มาดริด

ด้วยเกร็ดที่น่าสนใจ

  • ข้อแรก เหล่าเลเวอร์คูเซ่นไม่ชนะเลยใน 3 นัดหลังสุด เสมอ 1 จำนน 2 พร้อมด้วยชนะแค่ 2 จาก 10 เกมหลังเท่านั้น ชนะ 2 เสมอ 5 พ่าย 3
  • ข้อที่สอง กลุ่มแอตมาดริด เสมอแค่ครั้งเดียวจาก 13 นัดหลังสุด ชนะ 8 เสมอ 1 จำนน 4 พร้อมทั้งไม่เสมอเลยใน 8 เกมหลัง
ที่มา: http://sport.sanook.com/134997/

วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

บอล: แมตช์อำลา เจอร์ราร์ด,ผีแดงบนความแพ้,โจอี้ บาร์ตัน

ล่าสุด!!! อลอนโซ่ - ตอร์ - ซัวเรซ ร่วมแข่งแมตช์อำลา เจอร์ราร์ด




หลังจากที่เหล่าแข้งทีมหงส์แดง ได้เตรียมรีเทิร์นกลับคืนถิ่นแอนฟิลด์ เพื่อลงสนามเตะในเกมเทสติโมเนียลแมตช์อำลา ทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล ของกัปตัน สตีเว่น เจอร์ราร์ด ในวันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคมนี้

ซึ่งเมื่อสื่อกีฬาเมืองผู้ดี รายงานข่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ว่า ทีมลิเวอร์พูล ได้ทำหนังสือเชิญ

  1. ชาบี้ อลอนโซ่
  2. เฟอร์นานโด ตอร์เรส
  3. หลุยส์ ซัวเรซ 
  4. ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ 
  5. เปเป้ เรน่า 

เพื่อให้เข้าร่วมเกมฟุตบอลนัดพิเศษเทสติโมเนียลแมตช์ อำลา ทีมลิเวอร์พูล ของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด

โดยที่ทั้งหมดนั้นล้วนเคยเล่นให้กับ ทีมหงส์แดง อีกทั้งได้ร่วมงานกับกัปตัน สตีวี่จี มาก่อน โดยกองกลางในวัย 34 ปีชาวอังกฤษ จะย้ายไปอยู่กับ ทีมลอสแองเจลิส แกแล็กซี่ สโมสรในศึกเมเจอร์ลีก ซ็อคเก้อร์ สหรัฐอเมริกา หรือ เอ็มแอลเอส หลังจบฤดูกาลนี้

และทั้งนี้ การจัดแมตช์อำลาให้กับ เจอร์ราร์ด ก็เพื่อเป็นการเชิญชูเกียรติที่อยู่รับใช้เดอะ ค็อป มาอย่างยาวนานถึง 17 ปี และงานจะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคมนี้ ที่สนามแอนฟิลด์

ทีมผีแดงบนความปราชัย ในเชิงลูกหนัง!



และสำหรับผลงานของ ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ระดับห่วยสิ้นดี เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา หลังบุกไปพ่าย ทีมสวอนซี 1 - 2 พร้อมกับโดนย้ำแค้นแบบ - ทั้งไป และ กลับ

ซึ่งความอึดอัด ความพะอืดพะอม ตลอด 90 นาที นี่ถ้าไม่นับลูกการเข้าทำแบบสวยหรูในจังหวะขึ้นนำ 1 - 0 จากลูกยิงของ อันเดร์ เอร์เอร่า ก็ต้องขอบอกว่า ตลอดเกมเล่นได้ตามมาตรฐาน คือ ห่วยเหมือนเดิม

และถึงตรงนี้ ใครที่เป็นแฟนๆ ทีมปีศาจแดง ก็มิอาจปฏิเสธความเป็นจริงว่า ฟอร์มแบบนี้คงต้องกระเสือกกระสนไปยันจบฤดูกาลแน่นอน ในการคั่วโควต้าไปลุยถ้วย ศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก

และ คำถามต่างๆมากมาย ได้วิ่งตรงไปยังผู้เป็นนายใหญ่ อย่าง หลุยส์ ฟาน กัล พร้อมกับคำถามเดิมๆ ว่า จนป่านนี้ ทำไมยังหา 11 ตัวจริงไม่ได้สักที!

และหลังจากที่ ทีมที่อุดมไปด้วยผู้เล่นระดับแนวหน้าของโลก นั้นได้กลับสำแดงเดชในสนามได้แค่นี้นะหรือ? คิดๆ แล้วก็เจ็บปวดแทนบรรดา ทีมเร้ดอาร์มี่




และผู้เล่นอย่าง อังเคล ดิมาเรีย นั้นเริ่มต้นแบบสุดหรู แต่หลังจากผ่านมา 3 เดือน กลับถอยหลังลงคลอง อาวุธหลักอย่างการเปิดบอลระดับแม่นเป็นจับวางหายไปหมด

โดยฟอร์มเปรี้ยงปร้าง เมื่อต้นซีซั่น ได้หายเข้ากลีบเมฆไปซะอย่างงั้น

เมื่อถึง ณ จุดหนึ่งที่รู้สึกได้เลย ถึงสาเหตุ ที่ส่งให้ผลงานให้พลพรรค ทีมผีแดง ฟอร์มไม่เอาอ่าวยามนี้ คือ ความมั่นใจ

และทุกคนกำลังขาดมั่นใจ ที่สำคัญคือสภาวะความไม่มั่นใจในตัวเองเอาซะเลย




ก็จะยกตัวอย่างได้คือ ลุค ชอว์ ที่ย้อนไปเมื่อซีซั่นก่อนที่อยู่กับ ทีมนักบุญ เซาธ์แฮมป์ตัน ฟอร์มนี่เข้าตา เกมรุกสะเด่าเหลือหลาย

แต่ว่าหลังจากมาอยู่บนยูนิฟอร์ม ทีมปีศาจแดง กลับฟอร์มหลุด ฟอร์มหาย พร้อมกับเดินหน้าเข้าโรงหมอ มากกว่าอยู่ในฟลอร์หญ้าซะอีก

และสิ่งที่แฟนๆ ทีมแมนฯยูไนเต็ด ในซีซั่นนี้ ตั้งความหวังหลังจากผ่านเกมหายนะเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา

ก็คงจะต้องขอบอกว่า ขอแค่ทีมรักประคองตัวเอง แล้ววิ่งเข้าเส้นชัยพร้อมโควต้าไปลุยบอล ยุโรปถ้วยใหญ่ก็เป็นพอ ถึงแม้ว่าฟอร์มแบบไหนก็ช่างหัวมันเถอะ




ส่วนในด้าน ฟุตบอล เอฟเอคัพ นั้นจะไปถึงแชมป์หรือไม่แฟนๆ คงไม่แยแสเท่าไหร่นัก ประมาณว่าได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร

แต่ว่าเชื่อเถอะ หากซีซั่นนี้ลงเอย ด้วยการไม่ติด 1 - 4 ของลีก บอกเลยว่างานนี้อาจถึงขั้นวงแตกแน่นอน

ทั้งนี้คนที่จะโดนเชือดคือผู้ที่นั่งอยู่บนบังลังก์กุนซือ ด้วยโดนข้อหาฉกรรจ์จากผู้บริหาร

และนั่นคือข้อหา I ทุ่มเงินซื้อนักเตะขนาดนี้ You ทำทีมได้แค่นี้เหรอวะ

เขียนเรื่องโดย บ.ส้มซิ่ง

คลิ๊กชมคลิป ไฮไลท์พรีเมียร์ลีก ครบทุกคู่ แบบชัดๆ ระดับ HD ได้ที่นี่


border=0

ฟุตบอล โจอี้ บาร์ตัน ใช้มือกระทุ้งเจ้าโลกคู่แข่ง +คลิป



หลังจากที่ โจอี้ บาร์ตัน กัปตันทีมของ ทีมQPR ก่อเหตุฉาวโฉ่อีก เมื่อตั้งใจใช้มือกระทุ้งเจ้าโลกคู่แข่ง จนโดนไล่ออกจากสนาม

สำหรับเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นระหว่างในศึกพรีเมียร์ลีก นัดวันเสาร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ในเกมที่ ทีมฮัลล์ ซิตี้ เปิดบ้านเอาชนะ ทีมควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส 2 - 1

ซึ่งเกมในครึ่งแรก นาทีที่ 33 ตัวของโจอี้ บาร์ตัน กับตันทีมอารมณ์ร้อน กำลังมีปากเสียงกับผู้เล่นของเจ้าถิ่น

โดยขณะที่กำลังปะทะคารมณ์กันดุเดือด บาร์ตัน ได้ออกอาวุธเด็ด นั่นคือการยื่นมือไปกระทุ้งเข้าที่กล่องดวงใจของ ทอม ฮัดเดิ้ลสโตน มิดฟิลด์ของ ทีมฮัลล์ ซิตี้ แบบตั้งใจสุดๆ

และหลังจากนั้นผู้ตัดสิน ก็ตาไวพอที่จะเห็นช็อตดังกล่าว เลยจัดการมอบใบแดงตอบแทนความเกเรของมิดฟิลด์พันธุ์ดุรายนี้ในทันที




border=0


วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ข่าวสารฟุตบอล: บวกประกาศกีฬาณลีกต่างๆรวมทั้งสิ้นทั้งการซื้อขายแลกเปลี่ยนนักเตะรอบเขต 2

สมาคมเอฟเอตั้งข้อหา ฟาน กัล




ภายหลังที่หลุยส์ ฟาน กัล เทรนเนอร์เโจษดดัตช์วัย 63 ปี ผู้จัดการ คณะผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถูกสมาคมฟุตบอลอังกฤษ ใช่ไหม เอฟเอ ตั้งข้อหา ภายหลังที่ให้สัมภาษณ์ตำหนิกับการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินในเกมเอฟเอ คัพ รอบ 4 นัดแรก ที่บุกไปเสมอ คณะเคมบริดจ์ ยูไนเต็ด 1 - 1

โดยภายหลังจบเกมเอฟเอ คัพ 2014 - 2015 รอบ 4 นัดแรก ที่ คณะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกไปเสมอ เหล่าเคมบริดจ์ ยูไนเต็ด 1 - 1 พร้อมด้วย หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือผีแดงออกมาให้สัมภาษณ์แสดงความไม่พอใจหลายๆ อย่างในการแข่งขันที่ดูจักไม่เอื้ออำนวย อีกทั้งได้ตำหนิในการทำหน้าที่ของ คริส ฟอย ผู้ตัดสินในเกมดังกล่าว

ด้วยกันล่าสุด หลุยส์ ฟาน กัล ไม่รอด ครั้นเมื่อเอฟเอนั้นได้ออกมาตั้งข้อแม้ับนายใหญ่ประจำถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด รายนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้มีเวลาให้ยื่นอุทธรณ์เพื่อต่อสู้ข้อกล่าวหาถึงวันจันทร์ที่ 9 กุมภาพันธ์นี้ ก่อน 18.00 นาฬิกา ตามเวลาท้องถิ่น ใช่ไหม 01.00 นาฬิกา ของวันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ ตามเวลาบ้านเรา


หนุ่มลีกดิวิชั่น 8 ซบฝ่ายพาเลซหลังซัดแฮตทริค 6 นาที




เพราะที่ เคชี่ แอนเดอร์สัน หัวหอกดาวรุ่งของสโมสร ฝ่ายบาร์ตัน โรเวอร์ส เหล่าจากเซาเทิร์น ลีก ดิวิชั่น วัน เซนทรัล หรือไม่ ลีกอังกฤษ ดิวิชั่น 8 ชีวิตเหมือนฝันราวดั่งนิยาย หลังกลายมาเป็นนักเตะพรีเมียร์ลีก ตามฝันได้สำเร็จ โดยเจ้าตัวอพยพซบ ฝ่ายคริสตัล พาเลซ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนตลาดซื้อ - ขายปิดลงเท่าที่วันจันทร์ที่ผ่านมา หลังซัดแฮตทริคใส่ ทีมพาเลซ โดยใช้เวลาปาง 6 นาที

ด้วยกันกองหน้าดาวรุ่งวัย 19 ปี ยังได้โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมซัดไป 19 ประตู จาก 19 เกม ก่อนมาวัดใจฝีเท้ากับ เบรนท์ฟอร์ด กรุ๊ปในเดอะแชมเปี้ยนชิพ ตราบสัปดาห์ที่ลอดมา พร้อมกับได้ลงเล่นเกมอุ่นเครื่อง ฝ่ายคริสตัล พาเลซ เพราะเจ้าตัวลงมาเป็นตัวสำรองในนาที 65 แต่ใช้เวลาห่างกันพ่างแค่ 6 นาที ก็สามารถถล่มแฮตทริคได้ ทำให้ อลัน พาร์ดิว รีบดึงมาร่วมคณะอย่างรวดเร็ว

เพราะได้มีรายงานอีกว่า เคชี่ แอนเดอร์สัน รับทรัพย์จากการเซ็นสาบาน 30000 ปอนด์ จากเดิมรับค่าจ้างกับ บาร์ตัน แค่ 200 ปอนด์ต่อเดือนเท่านั้น




ตัวเลนน่อน หมายปัด ทีมสโต๊คเฟุ้งเฟื่องกไป เหล่าเอฟเวอร์ตัน แบบขอยืมตัว




ภายหลังที่ หมู่ทอฟฟี่สีน้ำเงิน เอฟเวอร์ตัน นั้นได้ประสบความสำเร็จในการคว้าตัว อาร่อน เลนน่อน ปีกวัย 27 ปีชาวอังกฤษของ คณะไก่เดือยทอง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ มาเสริมทัพเป็นที่เรียบร้อย ก่อนตลาดรอบ 2 จะปิดตัวลง ในแบบข้อสัญญากู้ตัวจนกระทั่งจบฤดูกาลนี้ ให้ความเป็นไทให้ ทีมสโต๊ค ซิตี้ ซดแห้วไปตามระเบียบ

ซึ่งอาร่อน เลนน่อน ปีกตัวจี๊ดของ หมู่ไก่เดือยทอง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ปฎิเสธที่จักไม่ร่วม กลุ่มช่างปั้นหม้อ สโต๊ค ซิตี้ แต่เลือกระฉ่อนกซบตัก กลุ่มทอฟฟี่สีน้ำเงิน เอฟเวอร์ตัน แทน ทั้งนี้อยู่ภายใต้สนธิสัญญายืมตัวใช้งานจนจบฤดูกาล 2014 - 2015

พร้อมด้วยสาเหตุการโยกย้ายเหล่าของ เลนน่อน เป็นที่ทราบกันดีว่าภายใต้การกำกับกรุ๊ปของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กุนซือคนใหม่ของถิ่นไวท์ ฮาร์ท เลน เจ้าตัวไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนามมากเท่าไหร่ในซีซั่นนี้ ซึ่งได้ลงเล่นในลีกไปเท่า 9 นัดเท่านั้น และกลายเป็นตัวเฟุ้งเฟื่องกรองจาก 1.นาเซอร์ ชาดลี่ พร้อมด้วย 2.อันดรอส ทาวน์เซนด์

เพราะว่าที่เลนน่อน วัย 27 ปีลงเล่นให้กับทัพ หมู่ไก่เดือยทอง มาตั้งแต่ปี 2005 รวมแล้วถึงเวลานี้เป็นจำนวนทั้งสิ้น 267 นัด พร้อมทั้งทำไปได้ 26 ประตู

ซวยแน่ๆๆ! ตากล้องตกงานหลังถ่าย เลนน่อน หน้าบูด




ภายหลังที่ โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ ที่เป็นกุนซือ กรุ๊ปฟุตบอลเอฟเวอร์ตัน เกิดอาการเหวี่ยงช่างภาพสโมสรที่ถ่าย อารอน เลนน่อน ปีกความเร็วสูงคนใหม่ ออกมาหน้าตาบูดบึ้งตลอดการเริ่มมาร่วมทัพภายใต้ข้อผูกพันขอยืมตัวจาก ทีมสเปอร์ส

เพราะที่หลายต่อหลายรูปที่ปรากฎออกสื่อนั้น มาจากฝีมือของ ปีเตอร์ ไบร์น ที่เป็นคนถ่ายภาพ แต่ปรากฏว่าหน้าตาของ เลนน่อน แทบจักทุกภาพนั้น ดูจะไม่มีความสุขเอาเสียเลยที่ต้องยักมาร่วมทัพ หมู่ทอฟฟี่สีน้ำเงิน





ซึ่งมาร์ติเนซ ได้กล่าวว่า ครันๆแล้ว เขาแฮปปี้มากๆเลยนะที่มาเล่นกับเรา ช่างภาพห่วยมากที่ทำให้ออกมาเป็นแบบนี้ เพราะว่ามันเป็นหน้าที่ของเขา ที่จะต้องทำให้นายแบบยิ้มสวยๆ

พร้อมด้วยสภาพร่างกายเขาฟิตเปรี๊ยะ ด้วยกันพร้อมเป็นส่วนสำคัญของหมู่ของเราเนื่องด้วยเกมสุดอาทิตย์นี้ด้วย

เขาพูดว่า เราดีใจมากๆ และรู้ว่าโอกาสนี้มีหลายต่อหลายคน กำลังพูดถึงเรื่องภาพถ่ายเหล่านั้น ผมจะให้หมู่หาช่างภาพคนใหม่ เพราะผมก็หงุดหงิดเหมือนกัน




กลุ่มบาร์ซ่าเตรียมเปลี่ยนชื่อสนามเป็น กาตาร์ แอร์เวย์ส




หมู่บาร์เซโลน่า นั้นเตรียมเปลี่ยนชื่อสนาม คัมป์ นู หลังกรุ๊ปต้องทำตามข้อตกลงของผู้สนับสนุนรายใหญ่อย่าง กาตาร์ แอร์เวย์ส สายการบินยักษ์ใหญ่

ซึ่งสนาม คัมป์ นู ชื่อนี้อาจไม่มีอีกต่อจากนั้น หลังมีรายงานว่า เหล่าบาร์เซโลน่า ที่เป็นทีมยักษ์ใหญ่ลา ลีกา สเปน เตรียมเปลี่ยนชื่อสนามใหม่ ในขณะที่หมู่กำลังพยายามเจรจาทำสาบานฉบับใหม่กับ กาตาร์ แอร์เวย์ส สายการบินยักษ์ใหญ่จากตะวันออกกลาง

ทีมบาร์เซโลน่า ยอดทีมแห่งศึก ลา ลีกา สเปนกำลังจักหมดสัญญากับสายการบินอาหรับ โดยจักทำให้หมู่ได้เงินสนุบสนุนเหล่ามากถึง 25 ล้านปอนด์ต่อปีในปี 2016 ซึ่งขณะนี้คณะกำลังพยายามโปรแกรมบอลขยายอนุสัญญาใหม่อยู่

เพราะที่ อัคบาร์ อัล เบเกอร์ ที่เป็น ซีอีโอของกาตาร์แสดงตัวว่ามีโอกาสที่จะใช้ชื่อของบริษัทเป็นชื่อสนามความจุ 99000 ที่นั่ง ในการเป็นชื่อใหม่ของรังเหย้าของ ทีมบาร์ซ่า

กับก่อนหน้านี้ เหล่าราชันชุดขาว เรอัล มาดริด คู่ปรับร่วมลีกก็มีแผนเปลี่ยนชื่อสนามตามสปอนเซอร์ของฝ่ายเช่นกัน จาก สนามซานติอาโก้ เบร์นาเบว เป็น สนามดิ อาบู ดาบี เบร์นาเบว นั่นเอง

ที่มา: http://footballclubpza.blogspot.com/

วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ข่าวกีฬา: การรบบอลพรีเมียร์ลีกนัดที่ 23 ศก 2558

ฟุตบอล: เรือบุกเจ๊าสิงห์บลูส์1-1ตามหลัง5แต้มเท่าเดิม



  • การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2014-2015 นัดที่ 23
  • การแข่งวันเสาร์ที่ 31 มกราคม 2558
  • หมู่เชลซี 1 - 1 พวกแมนเชสเตอร์ ซิตี้
  • แข่งที่สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์
  • กรรมการผู้ตัดสิน : มาร์ค แคล็ตเท่นเบิร์ก


วิเคราะห์ผลบอล: ในนาทีที่ 7 หมู่แมนฯซิตี้ ได้ลุ้นประตูจาก แฟร์นันดินโญ่ หลุดเข้าเขตโทษทางด้านขวาก่อนจักยิงหลุดกรอบออกหลังไป

โดยนาทีที่ 24 ทีมเยือนมีโอกาสจาก เซร์คิโอ อกูเอโร่ กระซากบอลหนี เคิร์ต ซูม่า ก่อนยิงไปโดน ติโบต์ กูร์กตัวส์ ปัดบอลออกไปได้

ต่อมานาทีที่ 33 ทีมเรือใบ เล่นเกมสวนกลับเร็วกับ จอห์น เทอร์รี่ สกัดบอลพลาด ทำให้ เซร์คิโอ อกูเอโร่ หลุดไปดวล ติโบต์ กูร์กตัวส์ ก่อนยิงหลุดเสาออกหลังนิดเดียว

ซึ่งนาทีที่ 42 เจ้าบ้านมาได้ประตูขึ้นนำปาง บรานิสลาฟ อิวาโนวิช โยนบอลไปให้ เอแด็น ฮาซาร์ด ปาดเร็วจากด้านซ้ายมาหน้าประตู โลอิก เรมี่ เข้าชาร์จไม่พลาด 1 - 0

พร้อมทั้งนาทีที่ 45 ฝ่ายเยือนตามตีเสมอทันควันจนถึง ติโบต์ กูร์กตัวส์ ตัดบอลพลาดจนเข้าทาง เซร์คิโอ อกูเอโร่ ยิงอัดเข้ามาแล้ว ดาบิด ซิลบา ล้มตัวจิ้มเข้าไปเป็น 1 - 1

ต่อมานาทีที่ 55 เหล่าแมนฯซิตี้ มีลุ้นจากการโหม่งของ แฟร์นันดินโญ่ ก่อนที่ ติโบต์ กูร์กตัวส์ จะกระโดดปัดบอลออกหลังไป

ในช่วงท้ายเกมคณะเยือนบุกหนักหวังยิงประตูขึ้นนำให้ได้ แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จจนจบเกม 90 นาทีเสมอกันไป 1 - 1 แบ่งกลุ่มละแต้ม ทำให้ช่องว่างยังห่างกัน 5 คะแนนเท่าเดิม


มาดูรายนามผู้เล่นทั้งสองคณะ


หมู่เชลซี : ระบบ 4-2-3-1
  • ตำแหน่งผู้รักษาประตู : 1.ติโบต์ กูร์กตัวส์
  • ตำแหน่งกองหลัง : 2.บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, 3.เคิร์ต ซูม่า, 4.จอห์น เทอร์รี่, 5.เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า
  • ตำแหน่งกองกลาง : 6.รามิเรส, 7.เนมันย่า มาติช – 8.วิลเลี่ยน, 9.ออสการ์, 10.เอแด็น ฮาซาร์ด
  • ตำแหน่งกองหน้า : 11.โลอิก เรมี่

ทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ : ระบบ 4-2-3-1
  • ตำแหน่งผู้รักษาประตู : 1.โจ ฮาร์ท
  • ตำแหน่งกองหลัง : 2.บาการี่ ซานญ่า, 3.แว็งซ็องต์ ก็อมปานี, 4.มาร์ติน เดมิเคลิส, 5.กาแอล กลิชี่
  • ตำแหน่งกองกลาง : 6.แฟร์นันดินโญ่, 7.แฟร์นันโด – 8.เฆซุส นาบาส, 9.ดาบิด ซิลบา, 10.เจมส์ มิลเนอร์
  • ตำแหน่งกองหน้า : 11.เซร์คิโอ อกูเอโร่

เป็นการถอนแค้นได้สำเร็จ! ผีแดงเปิดรังฝังจิ้งจอก 3 - 1 ขึ้นรั้งที่ 3





  • การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
  • แข่งวันเสาร์ที่ 31 มกราคม ปี 2558
  • กรุ๊ปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3 - 1 กลุ่มเลสเตอร์ ซิตี้
  • แข่งที่สนาม : โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
  • กรรมการผู้ตัดสิน : มาร์ติน แอ็ตกินสัน

หลังจากที่เปิดผนังเกมครึ่งแรก เจ้าถิ่น กรุ๊ปแมนฯยูฯ ได้ลุ้นก่อน ในนาทีที่ 13 จากจังหวะปั่นนอกกรอบโทษของ อังเคล ดิ มาเรีย แต่บอลไปติดกำแพง

ต่อมานาทีที่ 22 เวย์น รูนี่ย์ จ่ายบอลคืนหลังพลาด เจฟฟรี่ย์ ชลุปป์ ฉกบอลไปได้แต่โดนเบียด ทำให้จังหวะยิงทำได้ไม่ดีพอบอลข้ามคานออกไป

พร้อมทั้งถัดมาอีก 1 นาทีเจ้าถิ่น ได้โต้กลับ อังเคล ดิ มาเรีย ให้ ลุค ชอว์ พาบอลขึ้นไป ก่อนเปิดเข้ากลางให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ได้แปเน้นๆ แต่หลุดออกไป

ในนาทีที่ 26 จากความผิดพลาดของแนวรับเลสเตอร์ ทำให้ ดาเล่ย์ บลินด์ ตัดบอลได้ ก่อนโยนขึ้นหน้าให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ยิงด้วยขวาทันที บอลพุ่งเข้าประตูไปอย่างสวยงาม เจ้าถิ่น แมนฯยูฯ ออกนำ 1 - 0

นาทีที่ 31 พวกแมนฯ ยูฯ ได้ขยับหนีห่างเป็น 2 - 0 เมื่อ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ เก็บบอลได้ ก่อนแทงทะลุช่องให้ อังเคล ดิ มาเรีย พาบอลขึ้นกราบซ้าย ก่อนยิงมุมแคบ มาร์ค ชวาร์เซอร์ รับไม่ติดมือ ก่อนเป็น ราดาเมล ฟัลเกา ที่วิ่งตัดเข้ามาซ้ำจ่อๆ เข้าไป

นาทีที่ 43 กรุ๊ปแมนฯยูฯ มาได้ประตูสาม จากลูกเตะมุมฝั่งซ้าย เวย์น รูนี่ย์ เปิดเข้ากรอบโทษ ก่อนที่ ดาเล่ย์ บลินด์ จะวิ่งฉีกหนีตัวประกบออกมาโขกที่เสาแรก และเป็น เวส มอร์แกน ที่โหม่งสกัดพลาดเข้าประตูตัวเองไป

ทำให้จบครึ่งแรก กลุ่มแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกนำ หมู่เลสเตอร์ ห่างถึง 3 - 0

บุกเบิกเกมส์มาในครึ่งหลังสร้างผ่านไป 5 นาที เจ้าถิ่น เกือบได้ประตูเพิ่มอีก อัดนาน ยานาไซ พาบอลขึ้นทางซ้าย ก่อนปาดเข้ากลาง ราดาเมล ฟัลเกา แหย่ไม่ถึงบอล ทำให้เข้ามือ มาร์ค ชวาร์เซอร์

นาทีที่ 56 อัดนาน ยานาไซ มีโอกาสลองส่องไกล แต่บอลลอยโด่งข้ามคานออกไป

นาทีที่ 60 เลโอนาร์โด้ อูยัว หลุดเดี่ยวเข้าไปเพราะมี มาร์กอส โรโฮ วิ่งตามประกบไปด้วย แล้วล็อคเข้าในก่อนล้มลงในกรอบเขตโทษ กรรมการชี้ว่า อูยัว ล้มลงเอง แมนฯยูฯรอดตัวไป

นาทีที่ 79 คณะเลสเตอร์ มาตีไข่แตกได้สำเร็จไล่มา 1 - 3 เท่าที่ มาร์ค อัลไบรท์ตัน เปิดไปเสาสอง ฟิล โจนส์ ขึ้นโหม่งไม่ถึง บอลเลยมาถึง มาร์ซิน วาซิเลฟสกี้ พุ่งโขกบอลเข้าไปเต็มๆ ถึงแม้จะโดนเท้า ดาบิด เด เกอา ก็ตาม

ทำให้จบเกม ทีมปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถอนแค้นคืนสำเร็จ เปิดบ้านเอาชนะ หมู่เลสเตอร์ ซิตี้ ไปด้วยสกอร์ 3 - 1 เพิ่มเป็น 43 แต้ม ขยับขึ้นรั้งอันดับ 3 ชั่วคราว


ดูทะเบียนผู้เล่นที่ลงสนามของทั้งสองกรุ๊ป

กลุ่มแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : ระบบ  4 - 3 - 1 - 2  :
  1. ดาบิด เด เกอา 
  2. อันโตนิโอ วาเลนเซีย เปลี่ยนตัว ฆวน มาต้า ลงมานาทีที่ 77
  3. ฟิล โจนส์
  4. มาร์กอส โรโฮ
  5. ลุค ชอว์ 
  6. อัดนาน ยานาไซ
  7. ดาเล่ย์ บลินด์
  8. อังเคล ดิ มาเรีย 
  9. เวย์น รูนี่ย์ 
  10. โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ เปลี่ยนตัว แพ็ดดี้ แม็คแนร์ ลงมานาทีที่ 69
  11. ราดาเมล ฟัลเกา เปลี่ยนตัว เจมส์ วิลสัน ลงมานาทีที่ 80

คณะเลสเตอร์ ซิตี้ : ระบบ 4 - 3 - 3 :

  1. มาร์ค ชวาร์เซอร์ 
  2. แดนนี่ ซิมพ์สัน
  3. มาร์ซิน วาซิเลฟสกี้ 
  4. เวส มอร์แกน
  5. ริทชี่ เดอ ลาท 
  6. แดนนี่ ดริ้งวอเตอร์ 
  7. แอนดี้ คิง 
  8. เจฟฟรี่ย์ ชลุปป์ 
  9. อันเดรย์ ครามาริช เปลี่ยนตัว มาร์ค อัลไบรท์ตัน ลงมานาทีที่ 62
  10. เลโอนาร์โด้ อูยัว เปลี่ยนตัว เดวิด นูเจ้นท์ ลงมานาทีที่ 62
  11. เจมี่ วาร์ดี้ เปลี่ยนตัว เอสเตบัน กัมบิอัสโซ่ ลงมานาทีที่ 45


วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

บาโลเตลลี่สมมตดำรงฐานะแบบนี้ไล่กวดเท่าไรก็คงไม่ไป ประทับตราอีกทั้งไงก็ไม่ยอม

ถ้าเป็นแบบนี้ไล่เท่าไรก็คงไม่ไป กดยังไงก็ไม่ลง




เพราะว่าที่ปกติแล้ว เวลานักเตะซักคนประกาศจุดยืน แสดงความจงรักภักดีต่อสโมสรฟุตบอล ด้วยการยืนกรานว่าไม่คิดจะขนไปไหน ขออยู่ประสบความสำเร็จกับคณะแล้วล่ะก็ มันควรจะเป็นเรื่องที่น่าปลาบปลื้มยินดี ทั้งเกี่ยวกับสโมสรพร้อมทั้งแฟนบอล

พางแต่ว่าส่วนใหญ่แฟนๆ มักจักช้ำใจกับการเห็นดาวเตะขวัญใจออกมาไม่รับคำสัญญาใหม่ที่สโมสรยื่นให้บ้างล่ะ ออกมาเปรยเหรอขู่ว่าจักยักย้ายถ่ายเทบ้างล่ะ

โดยที่บางทีก็อาจจักปวดใจไม่แพ้กัน ถ้านักเตะที่หิวให้เคลื่อนเต็มที ใคร่ได้ให้โละออกไปไวๆ ดันประกาศว่าให้ตายก็ไม่อพยพ

ด้วยกันมาริโอ บาโลเตลลี่ นั้นคือโปรแกรมพรีเมียร์ลีกนักเตะที่น่าจักทำให้เหล่าเดอะค็อปรู้สึกแบบหลังอยู่




ซึ่งการที่ตลาดนักเตะนักเตะหน้าหนาวกำลังจะปิดลงในวันจันทร์ที่จักถึง หมายความว่าแต่ละหมู่มีเวลาเหเลื่องอีกแค่ไม่กี่วันที่จักซื้อหรือว่าขายนักตะให้เสร็จสิ้นก่อนเส้นตาย ไม่อย่างนั้นก็ต้องรอไปจนกว่าฤดูกาลจะสิ้นสุดลง

สิ่งนั้นหมายถึงการพลาดโอกาสปรับเปลี่ยนอะไรให้ทันกาลเพื่อครึ่งที่เหลือกระฉ่อนอยู่ของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกล่าสุดฤดูกาลนี้

พร้อมทั้งเพราะว่า กรุ๊ปลิเวอร์พูล แล้วเป้าหมายหลักในการเสริมทัพอยู่ที่การมองหาศูนย์หน้ามาแทนที่การอำลาไปของ หลุยส์ ซัวเรซ พร้อมด้วยการเจ็บยาวของ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์

การที่คาริม เบนเซม่า กับ เอเซเกล ลาเวซซี่ ที่เป็นสองดาวเตะที่มีชื่อตกเป็นข่าวกับหงส์แดงเป็นพิเศษ ภายหลังกองหน้าตัวใหม่ในช่วงซัมเมอร์อย่าง 1.ริคกี้ แลมเบิร์ต และ 2.บาโลเตลลี่ ทำผลงานได้ไม่ดีอย่างที่ถูกคาดหวัง




ทางด้าน แลมเบิร์ต นั้นยังพอมีข้อแก้ตัวได้ว่าไม่ถูก เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เรียกใช้เหรอให้โอกาสมากพอ เพราะถูกจับนั่งสำรองเป็นส่วนใหญ่ ต่างกับ บาโลเตลลี่ ที่ถูกทุ่มเงิน 16 ล้านปอนด์ ซื้อมาเสริมพวกฟุตบอลหลังเปิดฤดูกาลไปแล้ว โดยหวังว่าจะมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในแนวรุกให้กับกรุ๊ป

พร้อมด้วยบาโลเตลลี่ กลายเป็นตัวเโจษกในแนวรุกอันดับแรกไปในทันที ภายหลัง สเตอร์ริดจ์ เจ็บไปตั้งแต่นัดที่ 3 ของฤดูกาล ซึ่งเป็นเกมเดียวที่ทั้งคู่ได้ลงเล่นร่วมกันจนถึงครั้งนี้

แต่ว่าหลังจากที่ได้รับโอกาสอย่างต่อเนื่อง บาโลเตลลี่ ก็ยังเบิกสกอร์แรกในพรีเมียร์ลีกในสีเสื้อของลิเวอร์พูลไม่ได้ จนสุดท้ายร็อดเจอร์สก็ไม่ดันทุรังอีกถัดไป ด้วยการปลด เกรียนโอ้ ออกไปเป็นสำรองในที่สุด

โดยที่วิเคราะห์บอลการหลุดกรุ๊ปไปของเขาส่วนหนึ่งมาจากปัญหาสภาพร่างกายที่ไม่ค่อยสมบูรณ์ พร้อมด้วยมีอาการบาดเจ็บรบกวนบ่อยครั้ง รวมถึงแผนการเล่นใหม่ที่ให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง มายืนป็นเบอร์ 9 หลอกแทนดูจักได้ผลดี จนทำให้ผลงานของหงส์แดงในช่วงหลังกระเตื้องขึ้นมา




สิ่งนั้นย่อมหมายความว่าโอกาสที่จะลงเล่นในตารางบอลของบาโลเตลลี่คงจะลดน้อยลงไปอีก โดยเฉพาะทันทีที่สเตอร์ริดจ์พร้อมจักคัมแบ็กแล้ว

และทางบาโลเตลลี่ ได้ลงเล่นในไฮไลท์พรีเมียร์ลีกเกมล่าสุดด้วยการเป็นตัวสำรองในช่วง 20 นาทีสุดท้าย ของลีกคัพรอบตัดเชือกนัดที่สอง กับ เชลซี ครั้นเมื่อวันอังคาร ซึ่งบทบาทของเขายังคงเป็นการไม่มีบทบาทใดๆในการช่วยกรุ๊ปเหมือนเคย

แถมก็ยังมีส่วนทำให้พวกเสียฟรีคิกจนนำไปสู่ประตูชัยของ คณะเชลซี ในเกมนี้ด้วย จากการจ่ายบอลพลาดจนเพื่อนต้องไปตัดฟาวล์

เพราะที่ฟอร์มของบาโลเตลลี่ในนัดนี้ยิ่งทำให้กระแสข่าวที่ว่าเขาจะถูกหงส์แดงโละทิ้งมีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น แม้เจ้าตัวจะเคยออกมาสนทนาว่าพร้อมจักสู้เพื่อตำแหน่งและพิสูจน์ตัวเองถัดไปก็ตาม

ช่วงเวลาล่าสุด มิโน่ ไรโอล่า เอเยนต์ของบาโลเตลลี่ ออกมาตอกย้ำถ้อยคำที่บาดหัวใจเหล่าเดอะค็อปหนักขึ้นไปอีก จนกระทั่งชี้ว่าเขาได้บอกกล่าวเกรียนโอ้ไปแล้วว่าให้ลืมเรื่องขนทีมไปได้เลย เพราะว่ามีข้อผูกพันอยู่ตั้ง 4 ปี ให้นั่งรับค่าจ้างก้อนโตสบายๆ




พร้อมทั้งในส่วนโปรแกรมบอลมุมของเอเยนต์แล้ว ปกติจะชอบยุให้นักเตะเคลื่อน ก็เพราะว่าตัวเองจะได้กินเปอร์เซ็นต์จากการซื้อขาย แต่ถ้าขายในช่วงที่สนนราคาตก ก็หมายความว่าส่วนแบ่งตรงนั้นจะลดน้อยลงไปด้วย

ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เอเยนต์ชื่อดังชาวอิตาเลียนรายนี้ จะยื่นคำขาดไปว่าจักไม่เจรจากับกรุ๊ปไหนทั้งนั้นในช่วงนี้ ถ้าจะพูดเรื่องขนก็ต้องรอให้บาโลเตลลี่ทำผลงานให้ดีก่อน จนค่าตัวพุ่งไปซัก 45-50 ล้านปอนด์ ตอนนั้นค่อยมาว่ากัน

และถ้าเกรียนโอ้ทำแบบนั้นไม่ได้ล่ะ? เอเยนต์ผู้ปรารถนาดีแนะนำนิ่มๆ ว่าก็อยู่ไปเรื่อยๆ ให้มันแห้งตายคาแอนฟิลด์นี่แหละ ให้มันรู้กันไปว่า ถ้าไม่ประสบความสำเร็จก็ไม่ขนย้าย ถึงไล่ก็ไม่เลิก

แม้ได้ฟังแบบนี้แล้ว ฝ่ายลิเวอร์พูล คงต้องคิดหนักว่าควรจักให้ บาโลเตลลี่ ลงมาเล่นหรือไม่ก็เปล่า? เผื่อจับพลัดจับผลูเล่นดีขึ้นมา จะได้รีบหาฝ่ายมารับเซ้งได้ง่ายขึ้น หรือจักเก็บไว้เป็นสีสันและความบันเทิงให้กับแฟนๆ ต่อจากนั้นดี

Babybear

ที่มา: http://event.sanook.com/football

วันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

การรบฟุตบอลคิงส์ คัพ ในความจำ +คลิป

ศึกคิงส์ คัพ ในความทรงจำ +คลิป


ฟุตบอล


ซึ่งอีกไม่กี่วัน ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือ ที่รู้จักกันดีในนาม ศึกคิงส์ คัพ ก็จักระเบิดศึกขึ้นที่ดินแดนย่าโม จังหวัดนครราชสีมา แล้วนะครับ

โดยที่ คิงส์ คัพ ครั้งนี้จัดเป็นครั้งที่ 43 แล้ว ย้ำอีกทีว่า 4 ฝ่ายที่เข้าร่วมฟาดแข้งกันประกอบไปด้วย ทัพช้างศึก

  1. กลุ่มชาติไทย
  2. พวกชาติเกาหลีใต้ ชุดปรีโอลิมปิก
  3. กลุ่มชาติฮอนดูรัส ชุดยู20 
  4. คณะชาติอุซเบกิสถาน ที่คาดว่าน่าจักเป็นชุดบี 

เพราะว่าที่ทั้ง 4 พวกจะเตะแบบพบกันหมด ซึ่งกลุ่มที่มีคะแนนสูงสุดก็จักได้ถ้วยพระราชทานอันทรงเกียรติไปครองนั่นเอง

แลไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว กระแส เหล่าชาติไทยฟีเวอร์ ยังแรงดีไม่มีตกแบบนี้ ขอโอกาสพาท่านผู้อ่านย้อนความหลัง ถึงฟุตบอลถ้วยนี้กับครั้งที่ข้ามๆ มาบ้างดีกว่ากับ ศึกคิงส์ คัพ ในความทรงจำของแฟนบอลไทย มีอะไรบ้าง เชิญรำลึกด้วยกัน


ข้อที่ 1. ศึกคิงส์ คัพ ครั้งที่ 25 พ.ศ 2537 หมู่ชาติไทย ถล่ม กลุ่มชาติเยอรมัน 4 - 0!!





โดยโปรแกรมบอลชิงถ้วยพระราชทาน ศึกคิงส์คัพครั้งที่ 25 ในปี 2537 นักเตะตัวหลักอย่าง

  1. ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง
  2. ธชตวัน ศรีปาน ไม่ก็ ตะวัน ศรีปาน ในตอนนั้น
  3. ดุสิต เฉลิมแสน
  4. ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล 
  5. โกวิทย์ ฝอยทอง 


ซึ่งทำให้ชนะ เหล่าชาติเยอรมันตะวันตก ไป 4 - 0 ในนัดชิงชนะเลิศ

แต่ว่าอย่างไรก็ดีคราวได้วิเคราะห์บอลขุนพลเมืองเบียร์ทัพนี้ถือว่าไม่ใช่นักเตะฝ่ายชาติชุดใหญ่นะครับ เป็นทีมระดับแชมป์ภูมิภาค แต่สมาคมฟุตบอลของเยอรมันส่งมาในฐานะทีมชาติเท่านั้นเอง


ข้อที่ 2. ศึกคิงส์ คัพ ในครั้งที่ 31 พุทธศักราช 2543 กรุ๊ปชาติบราซิลชุดใหญ่ ถลุง เหล่าชาติไทย 7 - 0 !





เพราะที่นัดชีวประวัติศาสตร์ที่ควรจดจำอย่างแท้นัก คราว พวกแชมป์โลก อย่าง คณะชาติบราซิล ได้จัดเต็มชุดใหญ่ ไล่ถล่ม กรุ๊ปชาติไทย 7-0 จากการทำประตูของ

  • 1.ริวัลโด้ ยิงไปในนาทีที่ 12 พร้อมกับนาทีที่ 40
  • 2.โรนัลดินโญ่ ยิงไปในนาทีที่ 40
  • 3.เอเมอร์สัน ยิงไปในนาทีที่ 49 พร้อมด้วยนาทีที่ 85
  • 4.โรเก้ จูเนียร์ ยิงไปในนาทีที่ 73
  • 5.มาริโอ ยาร์เดล ยิงไปในนาทีที่ 80


พร้อมด้วยนอกจากรายนามนักเตะระดับโลกที่ทำประตูเหล่านี้แล้ว ยังจักมี

  1. โจวานนี่ เอลแบร์
  2. คาฟู
  3. โรแบร์โต้ คาร์ลอส
  4. จูนินโญ่ เปอร์มันบูร์กาโน่
  5. เซ โรเแบร์โต้ ฯลฯ ที่ได้ลงสนามอีกด้วย



ข้อที่ 3. ศึกคิงส์ คัพ ครั้งที่ 28 พุทธศักราช 2540 ลูกไขว้บรรฟุ้งเฟื่องโลกของ เดอะ ตุ๊ก





ด้วยกันอีกหนึ่งลูกยิงในตำนาน ศึกคิงส์ คัพ นั่นก็คือ ลูกไขว้ยิงประตูด้วยซ้ายของ เพชฌฆาตหน้าหยก ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ซึ่งได้ไขว้เท้าซ้ายซัด คณะชาติโรมาเนีย ชุดเล็ก จากการเปิดของ เสนาะ โล่งสว่าง ทางกราบขวาของกรอบเขตโทษ ให้ไทยชนะไป 1 - 0 แม้ว่าขณะนั้น เดอะ ตุ๊ก จักมีอายุถึง 38 ปีแล้วก็ตาม


ข้อที่ 4. ศึกคิงส์ คัพ ครั้งที่ 14 พุทธศักราช 2524 ขยี้โสมแดงสุดมันส์.




หลังจากที่ตารางบอลหมู่ชาติไทย เอาชนะ เหล่าชาติเกาหลีเหนือผลบอล 2 - 1 ในนัดชิงชนะเลิศ ชนิดสนามศุภชลาศัยแตก ตอนนั้น เกาหลีเหนือ เป็นกรุ๊ปที่แข็งแกร่งที่สุดในทัวร์นาเมนต์ พร้อมด้วยขึ้นนำ ไทย ไปก่อน 1-0 ตั้งแต่ครึ่งแรก ซึ่งมองมุมไหน ฝ่ายไทยก็ไม่มีโอกาสเอาชนะได้เลย

แต่ซ๋ษเด็กหนุ่ม กองหน้าตัวใหม่ของทีมชาติไทย ที่มีนามว่า ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ได้ยิงตีเสมอให้กับหมู่ชาติไทยได้ 1 - 1 ในช่วงท้ายของเกม จนต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีกครึ่งละ 15 นาที พร้อมทั้งเป็นกัปตันกลุ่ม เกาหลีเหนือ ที่ทำเกิดแฮนด์บอลในเขตโทษ

ทำให้แฟนบอลรอบๆ สนาม ที่เต็มลู่วิ่ง ต่างวิ่งลงไปสวมกอดนักเตะกรุ๊ปชาติไทยทันที แฟนบอลเกือบแสนคนในสนามศุภฯต่างดีใจว่าทีมได้แชมป์แล้ว ทั้งที่ยังไม่มีการยิงจุดโทษเลยด้วยซ้ำ ก่อนที่ เดอะ ตุ๊ก จะได้รับหน้าที่สังหารเข้าไป ด้วยกันกลายเป็นซุปตาร์ของวงการฟุตบอลไทยชั่วข้ามคืน


ข้อที่ 5. ศึกคิงส์คัพ ครั้งที่ 27 - 29 ช่วง สนามแตก ของฟุตบอลกลุ่มชาติไทย





ก็ไม่มีอะไรมาก วิเคราะห์ผลบอลตามคลิปเลยครับ บรรยากาศสุดยอด ถึงแม้จะดูไม่น่าปลอดภัยนักก็ตาม ฮ่าๆๆ





วันอังคารที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

โปรแกรมบอล: ครูฝึกร็อดเจอร์สปักหมุด?

โค้ชร็อดเจอร์สปักหมุด?






หลังจากที่เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือ ทีมลิเวอร์พูลในศึกโปรแกรมพรีเมียร์ลีก ให้สัมภาษณ์วิเคราะห์บอลเอาไว้หลังเกมเจ๊า เหล่าโบลตัน คืนวันเสาร์ที่ทะลุทะลวงมาว่า แดเนียล สเตอร์ริดจ์ จักลงซ้อมแบบเต็มที่กับกลุ่ม ภายหลังนั้นจะเช็คดูว่าพร้อมใช่ไหมมีโอกาสแค่ไหนในเกมเจอ กลุ่มเชลซีวันนี้

ด้วยกันถ้ายังไม่พร้อมก็จักใช้งานในเกมสุดอาทิตย์กับ พวกเวสต์แฮม ก็จะให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ทำหน้าที่ตรงนั้นไปก่อนเช่นเดิม

เรียกได้ว่า เป็นการตัดเยื่อใยกับ มาริโอ บาโลเตลลี่ แบบชัดเจนอีกครั้ง กุนซือหงส์แดงเห็นว่าคณะได้ประโยชน์จาก บาโลเตลลี่ น้อยมาก เป็นแบบนี้ไม่รู้จะส่งลงเล่นทำไม

ด้วยโครงสร้างของเหล่าที่พยายามปรับเปลี่ยนกันมาภายหลังเจอปัญหาใหญ่ยาวเหยียดเกือบ 4 เดือน ไม่มี มาริโอ บาโลเตลลี่ เป็นชิ้นส่วนใดชิ้นส่วนหนึ่งของโครงสร้างดังกล่าว




พร้อมทั้งหลังจากเกมที่พ่ายให้กับ กรุ๊ปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หงส์แดงมีผลงานที่ขยับขึ้นมาน่าพอใจในระดับหนึ่ง เกมรับที่เละเทะพลาดกันแบบง่ายๆ ริเริ่มไม่ค่อยมีให้เห็นกันมากนัก

เนื่องด้วยความพยายามในการแก้ไขปัญหาตรงนี้แบบเร่งด่วนผลออกมาน่าพอใจ ประเด็นถัดไปก็คือกองหน้า ดูเหมือน เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ปักหมุดชัดเจนแล้วว่าความคาดหวังกับเกมที่เหลืออยู่ทั้งหมดในฤดูกาลนี้อยู่ที่ แดเนียล สเตอร์ริดจ์

เท่ากับว่าเป็นการปิดที่บังตาการมีส่วนร่วมของ บาโลเตลลี่ แบบสิ้นเชิง เป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่ บาโลเตลลี่ จักปรับเปลี่ยนสไตล์การเล่นให้เหมาะกับสิ่งที่ ร็อดเจอร์ส ต้องการ

ซึ่งกองหน้าต้องเป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็ว ปราดเปรียวในการขยับไปตามช่องที่เปิด นอกจากนี้ต้องเป็นนักเตะที่มีความก้าวร้าวดุดันพร้อมทั้งทุ่มเท คือมีเกมเพรสซิ่งทันทีที่เสียบอลเพื่อชะลอเกมของคู่แข่งใช่ไหมแย่งบอลกลับมาลุยต่ออีกครั้ง




ซึ่งบาโลเตลลี่ นั้นไม่มีเรื่องราวที่ว่ามา การจ่ายบอลต้องให้ไปที่ตัว การเคลื่อนที่ยังไม่จี๊ดจ๊าดมากพอ นอกจากนี้จังหวะเสียบอลของ บาโลเตลลี่ ง่ายเกินไปโดนเบียดนิดเบียดหน่อยเรียบร้อยคู่แข่งทันที ในขณะที่จังหวะต่อเนื่องไม่มีการเพรสซิ่งแบบทันทีทันควัน ก็เพราะว่ามัวแต่นั่งกุมข้อเท้าเหรออะไรกะนั้นต่อเนื่องด้วยการแสดงท่าทางหัวเสียใช่ไหมบ่นผู้ตัดสิน ซึ่งวินาทีนั้นบอลไปไหนต่อไหนแล้ว

เรื่องของปรับตัวให้เข้ากับโครงสร้างพร้อมด้วยจังหวะการเล่นของทีมจึงเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสอย่างยิ่งเหมือนกับการเปลี่ยนสไตล์การเล่น เป็นไปได้ยากครับ

โค้ชร็อดเจอร์ส ขึ้นต้นต้นด้วยการให้โอกาสเต็มที่ ทว่า บาโลเตลลี่ ไม่เก่งฉแกฉวยเอาไว้ได้ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ เจ็บยาวแต่ยังเป็นที่คาดหวัง ในขณะที่ตัวที่มีโอกาสครั้งแล้วครั้งเล่าไม่อาจจะเข้าไปอยู่ในแผนการเล่น เป็นแบบนั้นมันเกินไปแล้ว

เพราะเกมเจ๊ากับ กลุ่มโบลตัน เกรียนโอ้ ไม่มีแม้แต่ชื่อตัวสำรอง ไม่มีอาการบาดเจ็บแบบต้องดูแลกันเป็นพิเศษ ข่าวแค่ทำนูลว่าเป็นไข้ ซึ่งใครคนไหนที่โดนดรอปออกไปจากกรุ๊ปมักจักมีเหตุผลนี้มารองรับเป็นพื้นฐาน

ซึ่งกลุ่มลิเวอร์พูล เล่นได้ดีพอที่จักเอาชนะ โบลตัน ได้ แต่ปัญหาคือไม่มีกองหน้าอาชีพที่เฉียบคมมากพอมาใช้งาน การจัดตัวเพื่อดวลกับเชลซีแม้ สเตอร์ริดจ์ ไม่พร้อมก็จะออกมาในรูปแบบนี้อีกครั้ง




โค้ชร็อดเจอร์ส นั้นพยายามหลีกเลี่ยงการเเอิกเกริกก บาโลเตลลี่ ลงเล่นเป็นหัวหอก ฟังจากคำให้สัมภาษณ์ชัดเจนว่า เดิมพันอนาคตในฤดูกาลนี้ที่เหลือเลื่องอยู่ขึ้นกับ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ เป็นสำคัญ

ในด้านสภาพพร้อมพร้อมส่งลงเล่นแบบยาวๆ ที่เหเลื่องลืออีก 2-3 คนนั่งดูกันไป วันไหนๆไม่มี สเตอร์ริดจ์ ใช้งาน สเตอร์ลิ่ง แทน

ฝ่ายหงส์แดงยังคงมีเกมสำคัญต่อเนื่องในช่วงนี้ ทั้งการเยือน เชลซี ทั้งรีเพลย์แมตช์กับ หมู่โบลตัน เกมยูโรป้าก็ใกล้กลับมาอีกครั้ง รวมไปถึงพรีเมียร์ลีก เป้าหมายท็อปโฟร์ยังคงปักธงกันไว้เช่นเดิม

ซึ่งร็อดเจอร์ส ได้อธิบายว่า 6 - 7 นัดที่ผ่านมากลุ่มพยายามปรับโครงสร้างกันใหม่ เพื่อให้เกมเพรสซิ่งกลับมาอีกครั้ง รวมไปถึงการสร้างสรรค์โอกาสที่ทำเป็นทำได้มากขึ้น





แต่ต่างว่าตารางบอลนักเตะคนไหนไม่อาจเข้ากับวิธีการไม่ก็โครงสร้างที่วางไว้ เป็นเรื่องยากที่จักเข้ามามีส่วนร่วมกับทีม ร็อดเจอร์ส เข้าสู่โหมดวางมือจาก บาโลเตลลี่ เช่นเดียวกับที่ โค้ชโจเซ่ , โค้ชมูรินโญ่, โค้ชโรแบร์โต้ มันชินี่ และ โค้ชอันโตนิโอ คอนเต้ ทำมาก่อนแล้ว

พร้อมทั้งสมมุติจักบรรยายว่าเป็นลางไม่ดีของ มาริโอ บาโลเตลลี่ ก็คงไม่ใช่ เอาเป็นว่าประภาษกันชัดๆและตรงๆกันเลยทีเดียว กุนซือหงส์แดงกำลังต้องการความช่วยเหโจษจันทั้งหมดทั้งมวลจากลูกทีม โดยเฉพาะแดนหน้า แต่ไม่ต้องการความช่วยเหโจษจันจาก มาริโอ บาโลเตลลี่

ในด้านของกฏแฟร์เพลย์ทางด้านการเงิน เป็นขวากหนามอย่างหนึ่ง ทำให้ขยับตัวไม่ค่อยจะได้ นั่นทำให้การปักหมุดพร้อมด้วยการเดิมพันในแดนหน้าของ ร็อดเจอร์ส พุ่งเป้าไปที่ สเตอร์ริดจ์

ถึงแม้จักสุ่มเสี่ยงมากขนาดไหนกับสถานการณ์ที่เชื่อมั่นในกองหน้าเท่าคนเดียวของกลุ่ม ดูเหมือนจักมีการเร่ำลือกแล้วว่ามาเส้นทางนี้

ในนาทีนี้โปรแกรมบอล มาริโอ บาโลเตลลี่ ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของกลุ่ม แต่เป็นส่วนเกินของหมู่ เกมไปเยือนเชลซีวันนี่พิสูจน์ร่วมกันว่าจริงๆไม่ก็เปล่า

ดามัน

ที่มา: http://footballclubpza.blogspot.com/

วันจันทร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2558

ปัจจุบันพาหะฟุตบอลเรืองนามจัด 11 แข้งประดุจ ไม่คุ้นจับต้องแชมป์พรีเมียร์ลีก

ล่าสุดสื่อดังจัด 11 แข้งดัง ไม่เคยสัมผัสแชมป์พรีเมียร์ลีก





จนถึงเดลี่ เมล์ Daily Mail ได้แท็บลอยด์หัวดังแห่งเกาะอังกฤษ ได้จัด 11 นักเตะที่อยู่ในหัวอกเดียวกัน ด้วยระบบหมู่ 3-5-2 ที่ไม่เคยได้สัมผัสถ้วยพรีเมียร์ลีก อังกฤษแม้แต่ครั้งเดียว

ซึ่งนำมาเพราะ สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตัน พวกลิเวอร์พูล ที่เตรียมอำลาสังเวียน หลังจบฤดูกาล 2014 - 2015 พร้อมทั้งอีก 10 ราย อาทิเช่น เพื่อนเก่าอย่าง แบรด ฟรีเดล นายทวารชาวอเมริกัน และ เจมี คาร์ราเกอร์ รวมถึง แกเร็ธ เบล แข้งค่าจ้างแพงสุดในโลกด้วย

กับส่วนที่เหร่ำลือจักเป็นใครกันบ้าง เราลองไปชมกันเลย

รายนาม 11 นักเตะดังที่ไม่เคยสัมผัสแชมป์ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ




1.แบรด ฟรีเดล ตำแหน่งผู้รักษาประตู

ผู้ที่สร้างสถิติเฝ้าเสาติดต่อกันนานสุด 310 เกม ของ ศึกพรีเมียร์ลีก ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 2004 ถึง เดือนตุลาคม ปี 2012 ถึงแม้จะเป็นนายทวารฝีมือดีคนหนึ่งของเกาะอังกฤษ ทว่าตลอดระยะเวลา 17 ปี กับ

  1. หมู่ลิเวอร์พูล
  2. กลุ่มแบล็กเบิร์น โรเวอร์ส
  3. เหล่าแอสตัน วิลลา 
  4. กลุ่มท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 

พร้อมกับด้วยอายุอานามล่วงเลยมาถึง 43 ปี ก็ยังไม่เคยสัมผัสโทรฟี ลีกสูงสุดเมืองผู้ดี เลย





2.เจมี่ คาร์ราเกอร์ ตำแหน่งกองหลัง

ภายหลังวิเคราะห์ผลบอลที่ได้สวมบทผู้แชร์ความเจ็บปวดกับ เจอร์ราร์ด คว้าแชมป์ร่วมกันมาทั้ง

  1. ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก
  2. ยูฟ่า คัพ ไม่ใช่หรือ ยูโรป้าลีก ในปัจจุบัน 
  3. ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ
  4. เอฟเอ คัพ 2 ยุค 
  5. แคปิตอล วัน คัพ 3 เวลา 
  6. คอมมูนิตี้ ชิลด์ 


ซึ่งยกเว้น พรีเมียร์ลีก ตลอดระยะเวลา 17 ปี ตัวของคาร์ร่า จัดเป็นกองหลังที่ผลงานคงเส้นคงวามากสุดๆ คนหนึ่งของวงการลูกหนัง





3.มาร์เซล เดอไซญี่ ตำแหน่งกองหลัง

เขานั้นเป็นหนึ่งในสุดยอดเซ็นเตอร์แบ็กระดับโลก รับใช้ หมู่เชลซี มานาน 6 ปี สัมผัสเกียรติยศสูงสุดทั้งแชมป์ ฟุตบอลโลก พร้อมทั้ง ศึกยูโร กับ กรุ๊ปชาติฝรั่งเศส แต่ว่าไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไรกับยักษ์ใหญ่แห่งกรุงลอนดอน คว้าแชมป์ระดับสโมสรเหมือน

  1. เอฟเอ คัพ
  2. ยูฟา ซูเปอร์คัพ 
  3. แชริตี ชิลด์ 


นอกเหนือจากแชมป์ฟุตบอล ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก 2 ช่วงเวลา กับ คณะโอลิมปิก มาร์กเซย พร้อมทั้ง ทีมเอซี มิลาน






4.เลดลี่ย์ คิง ตำแหน่งกองหลัง

ซึ่งสมมตจะเทียบความรอบรู้กันแล้ว ด้วย คิง จัดเป็นกองหลังระดับหัวแถวของเกาะอังกฤษ แต่เจอปัญแม้ารบาดเจ็บเข่าเรื้อรัง ทำให้ชีวิตการค้าแข้งไม่ราบรื่นนัก เคยถูก แฮร์รี เรดแนปป์ อดีตเจ้านาย ยกย่องในฐานะนักเตะมหัศจรรย์ ก็เพราะว่าไม่อาจเตะบอลเต็มแรงระหว่างการซ้อม พร้อมกับลงสนาม 1 เกมต่ออาทิตย์ ทว่ายังคงเป็นหัวใจสำคัญในแนวรับ ทีมท็อตแนม ฮอตสเปอร์ พาพวกคว้าแชมป์ ลีก คัพ ปี 2009 เท่าใบเดียว ตลอดระยะเวลา 13 ปี





5.ดาวิด ชิโนล่า ตำแหน่งปีก

เขาก็เป็นกำลังสำคัญของ หมู่นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ซึ่งเคยกุมความได้เปรียบเหนือ กรุ๊ปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 10 แต้ม ฤดูกาล 1995-96 แต่กลับปิดซีซันพ่าย กลุ่มของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เท่า 4 แต้ม




6.สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตำแหน่งกองกลาง

ขึ้นทำเนียบนักเตะดีสุดที่ไม่เคยสัมผัสแชมป์ พรีเมียร์ ลีก ทำได้ใกล้เคียงสุดคราวฤดูกาลที่แล้ว กับถูกหลอกหลอนจังหวะลื่นล้ม เกมพ่าย เชลซี คาบ้าน 0-2 เป็นเหตุให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี แซงเข้าวิน ด้วยช่องว่างปาง 2 แต้ม





7.แม็ทธิว เลอ ทิสซิเอร์ ตำแหน่งกองกลาง

เขานั้นไม่มีถ้วยแชมป์ติดมือตลอด ถึงแม้โดดเด่นจากทักษะ พร้อมทั้งการซัลโวประตูสุดสวยกับ เซาแธมป์ตัน ซึ่งไม่เคยหยิบยื่นโอกาสประสบความสำเร็จรายการใดๆ เลย แต่ก็ถือเป็นกองกลางที่มีฝีเท้าฉกาจคนหนึ่งในเกาะอังกฤษ




8.เชส ฟาเบรกาส ตำแหน่งกองกลาง

หลังจากที่ได้ลงเล่นโปรแกรมบอลเกม ลีก คัพ ฤดูกาล 2003 - 2004 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับ กลุ่มอาร์เซนอล คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ครั้งสุดท้าย แต่ยังไม่มีชื่อติดฝ่ายชุดใหญ่ จึงไม่ได้รับเหรียญชนะเลิศ อย่างไรก็ตาม แต่เจ้าตัว มีสิทธิ์ทำสำเร็จ หลังโชว์ฟอร์มโดดเด่นกับ เชลซี ในซีซันนี้




9.แกเร็ธ เบล ตำแหน่งปีก

ภายหลังที่ได้อำลาจากถิ่น ไวท์ ฮาร์ท เลน ด้วยค่าตอบแทนอันเป็นสถิติสูงสุดของโลก 86 ล้านปอนด์ ไม่ก็ 4.3 พันล้านบาท แบบไม่เคยชูโทรฟี่ใดๆ บนเกาะอังกฤษเลย แต่หลังขนย้ายไปอยู่ ทีมเรอัล มาดริด กับสมรรถหยิบแชมป์ 4 รายการ ภายใน 18 เดือน




10.จิอันฟรังโก้ โซล่า ตำแหน่งกองหน้า

ซึ่งเขานั้นเคยคว้าแชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา เคียงข้าง ดีเอโก้ มาราโดน่า ตำนานลูกหนังชาวอาร์เจนไตน์มาแล้วยุคค้าแข้งกับ เหล่านาโปลี ก่อนโยกย้ายมาอยู่ พวกเชลซี จนถึงปี 1996 แต่ตลอดระยะเวลา 7 ปี ในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ศูนย์หน้าร่างเล็กพากรุ๊ปคว้าแชมป์ 6 รายการ ยกเว้น ศึกพรีเมียร์ลีก





11.ร็อบบี่ ฟาวเลอร์ ตำแหน่งกองหน้า

ซึ่งดาวยิงสูงสุดอันดับ 6 ของ ศึกไฮไลท์พรีเมียร์ลีก จำนวน 162 ประตู เขานั้นมีสัญชาตญาณในการจบสกอร์ที่เยี่ยมยอด กับได้พา คณะหงส์แดง คว้าโทรฟีมากมาย ทั้ง

  1. เอฟเอ คัพ
  2. ลีก คัพ 2 คราว
  3. ยูฟ่า คัพ 
  4. ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 


แต่ว่าก็ไม่เคยจับถ้วยแชมป์ พรีเมียร์ลีก เลย